มดลูกอักเสบหลังคลอด เกิดจากอะไร
ปัญหาของคุณแม่หลังคลอดในบางรายที่อาจจะพบได้คือ อาการปวดท้องโดยไม่มีสาเหตุ มีไข้ร่วมด้วย ซึ่งคุณแม่หลายรายจะยังแยกไม่ออกระหว่างการปวดท้องจากมดลูกอักเสบ หรืออาการปวดท้องที่เกิดจากความระบมของการคลอดลูก ซึ่งหากยังไม่มั่นใจ ถ้ามีไข้สูงร่วมกับอาการปวดท้อง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที โดยวันนี้เราจะพาคุณแม่ไปดูกันว่า อาการมดลูกอักเสบหลังคลอดนั้นเกิดจากอะไร และนี่ก็คือสาเหตุนั่นเอง
1.มีเชื้อแบคทีเรียจากช่องคลอด
โดยจะเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียจากช่องคลอด ได้เล็ดลอดเดินเข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อมดลูก จนทำให้มดลูกเกิดการอักเสบในที่สุด
2.แม่ตั้งครรภ์ที่น้ำเดินนานๆ ก่อนคลอด
เมื่อน้ำเดินหรือน้ำคร่ำแตกแล้ว คุณแม่จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งส่วนใหญ่หากน้ำเดินเป็นเวลานานโดยยังไม่ได้รีบทำคลอดในทันที มักจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ และมีอาการมดลูกอักเสบหลังคลอดได้
3.ระยะรอคลอด
ช่วงเวลาที่รอคลอดคุณหมอจะมาตรวจดูถึงขนาดของมดลูกว่าเปิดได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยใช้วิธีล้วงนิ้วมือเข้าทางช่องคลอด ซึ่งหากมีการตรวจซ้ำบ่อยๆ ก็จะเป็นหนทางในการนำเชื้อโรคเข้าสู่มดลูกได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
4.การผ่าคลอด
การผ่าคลอดลูกก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้มีการติดเชื้อเข้าสู่มดลูกได้สูง โดยเฉพาะในรายที่มีน้ำเดินมาจากบ้านเป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้ว รวมถึงการไม่ได้ฝากครรภ์กับคุณหมอ จึงทำให้ต้องรอการผ่าคลอดที่ยาวนานจนส่งผลให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่มดลูกได้
5.สุขภาพคุณแม่ไม่ดี
คุณแม่ตั้งครรภ์อาจจะมีปัญหาในเรื่องสุขภาพมาก่อน หรือการดูแลสุขอนามัยในการทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศไม่ดีพอ จนทำให้มีการติดเชื้อได้ง่ายเช่นกัน
6.ช่องคลอดฉีกขาด
เมื่อลูกน้อยได้เคลื่อนตัวผ่านปากมดลูก จนถึงช่องคลอดแล้วจนทำให้มีการฉีกขาด รวมถึงการเย็บฝีเย็บได้ไม่ดีพอ ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
7.ผลการคลอดไม่ดี
อีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยคือคลอดแล้วลูกมีน้ำหนักตัวน้อย ลูกเสียชีวิตหลังคลอด แม่ตั้งครรภ์ตอนอายุน้อย รวมถึงการคลอดครรภ์แฝด ก็ย่อมส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน
8.ในรายที่คลอดยากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วย
สำหรับคนที่คลอดยากจนต้องใช้อุปกรณ์ช่วย ก็จะทำให้เกิดการอักเสบของมดลูกหลังคลอดได้เหมือนกัน เพราะขณะใช้เครื่องมือช่วยคลอดอาจจะทำให้เกิดการบอบช้ำ หรือมีรอยถลอกจนเชื้อโรคเล็ดลอดเข้าสู่มดลูกจนเกิดการติดเชื้อได้
เมื่อคุณแม่หลังคลอดรู้สึกมีไข้ไม่สบายปวดท้องร่วมด้วย ต้องรีบปรึกษาสูตินารีแพทย์โดยทันที จะได้รีบทำการรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบลุกลามจนถึงขั้นรุนแรงได้นั่นเอง
