5 เรื่องที่ต้องรู้ เกี่ยวกับไวรัสโรต้า ในเด็กเล็ก
ไวรัสโรต้าเป็นไวรัสที่คุณแม่หลายท่านอาจจะมองข้ามว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่จริงแล้วไวรัสโรต้านั้นเป็นไวรัสที่มีความอันตรายมาก เพราะโรคนี้หากเป็นขึ้นมาโอกาสที่จะเสียชีวิตนั้นมีสูง และโรคนี้ก็เป็นโรคที่มักจะพบได้บ่อยในเด็กเล็กด้วย ดังนั้นเมื่อรู้แบบนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งเราก็มี 5 เรื่องที่ต้องรู้มาฝากกันดังนี้
1.อาการที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกต
อาการที่พบบ่อยในโรคนี้จะมีอาการคล้ายกับท้องเสีย แต่ก็มีความแตกต่างที่สามารถสังเกตได้คือ หากลูกติดเชื้อไวรัสโรต้ามักจะมีอาการอาเจียนก่อน จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการท้องเสียโดยจะถ่ายเหลวเป็นน้ำ และมีอาการถ่ายจนก้นแดงร่วมกับมีอาการไข้ร่วมด้วย แต่ในเด็กบางคนนั้นก็จะมีอาการไอด้วย
2.ให้ลูกดื่มเกลือแร่เยอะๆ ช่วยได้
เนื่องจากเด็กมีการสูญเสียน้ำในร่างกายจากอาการท้องเสียและอาการอาเจียน หากปล่อยไว้นานๆ เด็กอาจเกิดภาวะขาดน้ำได้ ดังนั้นการให้ลูกดื่มเกลือแร่บ่อยๆ แทนน้ำ จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กเกิดอาการช็อคหมดสติได้ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่อย่าลืมนำเกลือแร่มาให้ลูกน้อยดื่มกันด้วย โดยเลือกชนิดที่เหมาะกับเด็กโดยเฉพาะ
3.ไวรัสโรต้ามีวัคซีนป้องกัน
ปัจจุบันโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นวัคซีนที่สามารถฉีดป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ได้ เป็นวัคซีนที่มีการทดลองมาแล้วและมีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยเมื่อคุณแม่พาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้สูง แถมวัคซีนก็ไม่ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย
4.ควรให้ลูกฉีดวัคซีนเมื่อไหร่
องค์กรอนามัยโลกได้มีการกำหนดไว้ว่า เด็กทารกทุกคนจะต้องได้รับการหยอดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโรต้า เมื่อมีอายุครบ 2 เดือน และจะต้องมีการกระตุ้นอีก 2 ครั้งเมื่ออายุครบ 4 เดือนและ 6 เดือน การหยอดวัคซีนป้องกันโรคจนครบนั้นจะช่วยป้องกันลูกน้อยไม่ให้เกิดโรคนี้ได้อย่างแน่นอน
5.ไวรัสโรต้าแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว
ไวรัสชนิดนี้เป็นไวรัสที่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้เร็วมาก โดยการแพร่เชื้อของโรคนี้คือการสัมผัสเชื้อในอุจาระของผู้ป่วย หากสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อมแม้นิดเดียวก็สามารถติดเชื้อได้ ดังนั้นการล้างมือให้สะอาดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก
โรคท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโรต้านั้นเป็นโรคที่อันตรายมาก ดังนั้นพ่อแม่ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มาก โดยการรักษาความสะอาดให้ลูกน้อยอยู่เสมอ หรือหากลูกน้อยมีความผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที
