ทารกในครรภ์โตช้า เช็คสิ เกิดจากอะไร

หากคุณกำลังตั้งครรภ์ แล้วรู้สึกว่าทำไมท้องถึงได้เล็กนัก หรือสัมผัสการดิ้นของลูกได้น้อยจนแทบไม่รู้สึกเลย นั่นแสดงว่าคุณอาจกำลังเสี่ยงกับภาวะทารกโตช้าอยู่ ซึ่งการที่ทารกในครรภ์โตช้าเกิดจากอะไร และจะรับมือป้องกันได้อย่างไร เราก็มีข้อมูลมาบอกคุณแม่กันแล้ว

สาเหตุที่ทำให้ทารกโตช้า

ทารกในครรภ์โตช้า มักจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้

  1. มดลูกเสื่อม หรือมดลูกมีความผิดรูป รกต่ำ หรือสายสะดือของเด็กเกิดพันกันทำให้การส่งสารอาหารไม่สามารถไปถึงตัวทารกได้ เด็กจึงได้มีการเติบโตที่ช้า
  2. โครโมโซมผิดปกติ กรณีที่เด็กอาจเป็นดาวน์ซินโดรมหรือทารกแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกันแล้วเกิดการผิดปกติของหลอดเลือด
  3. แม่มีโรคประจำตัว โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจที่จะส่งผลต่อการส่งออกซิเจนไปให้กับทารกในครรภ์
  4. การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้วยังมีการดื่มเหล้า สูบบุหรี่หรืออยู่ในบริเวณที่มีควันบุหรี่อยู่ตลอด ก็เสี่ยงที่จะทำให้ทารกโตช้าและเสี่ยงเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดอีกด้วย

ทารกในครรภ์โตช้า รู้ได้อย่างไร

คุณแม่สามารถสังเกตได้จากน้ำหนักตัวของคุณเองว่าน้ำหนักขึ้นมากน้อยเพียงใด โดยเมื่อคุณแม่ได้ทำการฝากครรภ์ ทุกโรงพยาบาลหรือแม้กระทั่งคลินิกจะมีหนังสือคู่มือสำหรับไว้จดบันทึกว่าคุณแม่และเด็กมีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งในหนังสือจะมีตารางเปรียบเทียบและข้อมูลต่างๆ ให้คุณแม่ได้ศึกษาเบื้องต้นอีกด้วย

วิธีการรับมือ

เมื่อลูกน้อยในครรภ์โตช้า คุณแม่สามารถรับมือได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ทานอาหารให้ครบทุกมื้อและควรเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งหากเป็นกรณีที่ทารกโตช้า แพทย์จะแนะนำว่าในแต่ละวันคุณแม่ควรทานอะไรบ้างเพื่อให้ทารกได้รับสารอาหารให้ครบ
  • พักผ่อนให้เพียงพอและการนอนในท่าที่แพทย์แนะนำจะเป็นการช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดี และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับทารกในครรภ์อีกด้วย
  • การพบแพทย์อย่างใกล้ชิดก็เป็นตัวช่วยที่จะทำให้ไม่เกิดความผิดพลาดในการคลอด ดังนั้นเมื่อแพทย์นัด คุณแม่ก็ควรไปให้ตรงวันและเวลาเพราะแพทย์จะสามารถประเมินการเติบโตของเด็กได้

วิธีการป้องกัน

สำหรับวิธีการป้องกัน ไม่ให้ทารกในครรภ์โตช้า ก็ทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  2. รับประทานอาหารให้ครบและทานอาหารที่มีโภชนาการที่ดี
  3. ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีแต่ควันบุหรี่
  4. ปรับเปลี่ยนท่าทางการนอนเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกได้ดีขึ้น
  5. คอยนับเวลาลูกดิ้นในหนึ่งวันเด็กต้องดิ้นมากกว่า 10 ครั้งหากน้อยกว่านี้คุณควรรีบพบแพทย์

หากคุณแม่พบอาการผิดปกติใดๆ ก็แล้วแต่ ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ทำการรักษาได้ทัน และทำให้ลูกน้อยคลอดออกมาอย่างสมบูรณ์ที่สุดนั่นเอง

 














 

You may also like

กด LIKE เป็นกำลังจัยให้หน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ-Facebook-FanPage